ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ เป็นภาพยนตร์ดราม่าตลกอบอุ่นหัวใจที่กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในปี 2004 นำแสดงโดยทอม แฮงค์สในบทบาทที่มีเสน่ห์และน่าจดจำซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแสดงของเขา “The Terminal” นำเสนอเรื่องราวที่มีเอกลักษณ์และน่าประทับใจซึ่งมีฉากหลังแหวกแนว ซึ่งนำเสนอธีมของความรัก มิตรภาพ ความยืดหยุ่น และจิตวิญญาณของมนุษย์
เรื่องย่อ: เรื่องราวเกี่ยวกับ Viktor Navorski (Tom Hanks) ชายจากประเทศ Krakozhia ในยุโรปตะวันออก วิคเตอร์มาถึงสนามบินนานาชาติเจเอฟเคในนิวยอร์กพร้อมหนังสือเดินทางที่ยังไม่หมดอายุ แต่ต้องติดอยู่เมื่อบ้านเกิดของเขาเผชิญกับความวุ่นวายทางการเมืองอย่างกะทันหัน ทำให้หนังสือเดินทางของเขาใช้ไม่ได้และขัดขวางไม่ให้เขาเข้าสหรัฐอเมริกาหรือกลับบ้าน
วิคเตอร์พบว่าตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เนื่องจากเขาไม่สามารถออกจากอาคารผู้โดยสารสนามบินได้เนื่องจากสถานะการเข้าเมือง เขาติดอยู่ในห้องรับรองผู้โดยสารเปลี่ยนเครื่องระหว่างประเทศ เขาสร้างชีวิตชั่วคราวภายในอาคารผู้โดยสาร โดยต้องเผชิญความท้าทายในการเอาชีวิตรอด การสื่อสาร และการดำรงอยู่ในแต่ละวัน ขณะที่วิคเตอร์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่สนามบินและผู้โดยสารคนอื่นๆ โดยเฉพาะเอมีเลีย วอร์เรน (แคเธอรีน ซีตา-โจนส์) พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เขาได้นำความรู้สึกมิตรภาพและความอบอุ่นที่ไม่เหมือนใครมาสู่ผู้คนที่เขาพบ
ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ
การแสดงที่น่าจดจำ: ทอม แฮงค์สแสดงได้อย่างโดดเด่นในบทวิคเตอร์ นาวอร์สกี้ โดยผสมผสานตัวละครนี้เข้ากับความอบอุ่น ความไร้เดียงสา และความยืดหยุ่น การวาดภาพของแฮงค์สจับแก่นแท้ของบุคคลที่ค้นพบความเข้มแข็งและจุดมุ่งหมายเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก นักแสดงสมทบของภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมถึงแคทเธอรีน ซีต้า-โจนส์, สแตนลีย์ ทุชชี และชี แม็คไบรด์ ก็มีส่วนทำให้เรื่องราวมีเสน่ห์ด้วยการแสดงที่น่าดึงดูดของพวกเขา
ธีมส์: “The Terminal” จะสำรวจประเด็นต่างๆ ที่โดนใจผู้ชม: ความยืดหยุ่น: ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นไปที่ความสามารถอันน่าทึ่งของ Viktor ในการปรับตัวและเติบโตภายในขอบเขตของอาคารผู้โดยสารในสนามบิน ความมีไหวพริบและความยืดหยุ่นของเขาเมื่อเผชิญกับความยากลำบากเป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจ
Human Connection: ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ เรื่องราวเน้นย้ำถึงพลังของการเชื่อมต่อของมนุษย์และความผูกพันที่สามารถก่อตัวได้แม้ในสถานที่ที่ไม่คาดคิดที่สุด ปฏิสัมพันธ์ของ Viktor กับเจ้าหน้าที่สนามบินและผู้โดยสารคนอื่นๆ เน้นย้ำถึงความสำคัญของความมีน้ำใจและมิตรภาพ
ระบบราชการและเทปสีแดง: ภาพยนตร์วิพากษ์วิจารณ์ระบบราชการอย่างละเอียดและความท้าทายที่บุคคลที่ติดอยู่ในเทปสีแดงของระบบราชการต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของปัญหาการเข้าเมืองและการลี้ภัย
ความรักและโอกาสครั้งที่สอง: ตัวละครของ Amelia Warren แสดงถึงธีมของความรักและโอกาสครั้งที่สอง การโต้ตอบของเธอกับ Viktor ทำให้เธอต้องประเมินลำดับความสำคัญของเธออีกครั้ง และพิจารณาความเป็นไปได้ในการเริ่มต้นใหม่
ผลกระทบ: “The Terminal” สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับผู้ชม โดยนำเสนอเรื่องราวอันอบอุ่นใจที่เชิดชูจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้ไม่ย่อท้อ และศักยภาพของความรักและมิตรภาพที่จะเบ่งบานในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ข้อความเชิงบวกของภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับการพบกับความหวังและความสุขเมื่อเผชิญกับความยากลำบากได้โดนใจผู้ชมและมีส่วนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างยาวนาน
บทสรุป: “The Terminal” (2004) – “ด้วยรักและมิตรภาพ” – เป็นภาพยนตร์ที่น่าประทับใจและมีเสน่ห์ที่ยังคงสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยการนำเสนอถึงความยืดหยุ่น ความสัมพันธ์ของมนุษย์ และชัยชนะของจิตวิญญาณมนุษย์ การแสดงอันยอดเยี่ยมของทอม แฮงค์สและการกำกับของสตีเว่น สปีลเบิร์กผสมผสานกันเพื่อสร้างเรื่องราวที่จริงใจและสร้างแรงบันดาลใจ “The Terminal” ทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจว่า ในสถานที่แหวกแนวที่สุด ความรัก มิตรภาพ และความกรุณาของคนแปลกหน้าสามารถนำความหวังและความสุขมาสู่ชีวิตของเราได้ และจิตวิญญาณของมนุษย์สามารถอดทนได้แม้จะเผชิญกับความท้าทายที่ดูเหมือนจะผ่านพ้นไม่ได้
เรื่องย่อ วิคเตอร์ นาวาสกี้ ผู้ชายวัยกลางคนชาวตะวันตกเขาเดินทางมายังท่าอากาศยาน JFK
ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อสานฝันบางสิ่งบางอย่าง แม้กระนั้นแล้วเอกสารการเดินทางเข้าเมืองของเขากำเนิดมีปัญหา รวมทั้งประเทศที่วิคเตอร์มาก็กำลังกำเนิดการศึก ทำให้วิคเตอร์ไม่สามารถที่จะเข้าประเทศได้ วิคเตอร์เปรียบได้ดั่งบุคคลไม่มีเชื้อชาติ และก็จำต้องติดอยู่ในท่าอากาศยานที่นี้ไม่สามารถที่จะออกไปไหนได้ แล้วก็เนื่องจากว่าวิคเตอร์ไม่เก่งภาษาทำให้เขาไม่ค่อยรู้เรื่องนัก จนกระทั่งบางโอกาสเขาก็จำเป็นต้องเอ้อ ออไปกับข้าราชการบ้าง
ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ วิคเตอร์อยู่ด้วยคูปองของกินที่ได้จากข้าราชการ เขาจำเป็นต้องติดแหง็กอยู่ในท่าอากาศยานที่นี้ เพราะเหตุว่ามิได้วีซ่า รวมทั้งจำยอมดำรงชีวิตโดยไม่เคยรู้อีกนานเพียงใดถึงจะสามารถออกมาจากท่าอากาศยานไปได้ โดยอาศัยนอนในเกตที่กำลังเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ตรงเวลานับเป็นเวลาหลายเดือน และก็วิคเตอร์ก็ได้พบกับแคคุณรีน ซึ่งเป็นเครื่องปรับอากาศโฮสเตรทสาวสวย รวมทั้งวิคเตอร์ก็หลงรักคุณ ในความโชคไม่ดีซ้ำไปซ้ำมาของวิคเตอร์ก็ยังมีเรื่องมีราวดีๆอย่างแคคุณรีนอยู่ และก็วิคเตอร์ยังสามารถเป็นมิตรภาพกับข้าราชการในท่าอากาศยานได้อีก ส่วนเขาจะทำเช่นไรเพื่อตนเองสามารถออกไปทำตามอย่างแผนการที่วางไว้ได้นั้นจำต้องไปรับดูกันนะคะ
เป็นภาพยนตร์แนวฟิลกู๊ดคอเมดี้ ของบิดามดที่ฮอลี่วูดอย่าง Steven Spielberg คนที่มีหนังบรรลุผลสำเร็จเยอะมากกระทั่งไม่นำเสนอ โอกาสนี้ก็เป็นอีกรอบที่เขาได้กลับมาร่วมงานกับ Tom Hanks ภายหลังที่เคยร่วมงานกันมาแล้วจาก Catch me if you can ในปี 2002 และก็ Saving private Ryan ในปี 1998
เรื่องย่อ : เกิดเรื่องราวของ วิกเตอร์ ทุ่งนาวอร์สกี้ ที่อยากเดินทางไปยังนิวยอร์ก แต่ว่า… เกิดเหตุการณ์ไม่ได้นึกฝันขึ้น จนกระทั่งทำให้เขาไม่อาจจะเข้าเมืองได้ จะบินกลับก็มิได้ ท้ายที่สุดจะต้องอาศัยอยู่ในสบามบิน กระทั่งสนิทกับบุคลากรและก็ที่สำคัญมันทำให้เขาได้ทราบจะกับสาวแอร์โฮสเตสแสนงาม
ภาพยนตร์ที่จะทำให้ท่านมีความรู้สึกว่าตนเองไม่ใช่ผู้ที่โชคร้ายเสมอท่ามกลางสถานการณ์โลกในขณะนี้มันอาจไม่น่าฉงนใจอะไรถ้าหากทุกคนจะรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างโชคร้ายอย่างมากที่เกิดมาอยู่ในสมัยที่เต็มไปด้วยปัญหาเยอะแยะไม่ว่าจะเป็นการรบ โรคระบาด หรือแม้กระทั้งปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแม้คนใดกันแน่ที่เกิดในประเทศไทยตั้งแต่ตอนก่อนปี 40
จำเป็นต้องพบเจอกับวิกฤตมากไม่น้อยเลยทีเดียวอย่างวิกฤตทางด้านการเงินจนกระทั่งอดสงสัยมิได้ว่าหรือตัวเองนั้นจะเป็นผู้ที่มากับโชคร้าย แม้กระนั้นจริงๆแล้วไม่มีผู้ใดบนโลกนี้ที่เกิดมากับความโชคร้ายเสมอ บางครั้งชะตาชีวิตบางทีอาจจะเล่นตลกกับพวกเราบ้าง แต่ว่าในเหตุการณ์วิกฤติมันก็ทำให้พวกเราได้รู้เรื่องอะไรหลายๆอย่างยิ่งขึ้นอย่างเดียวกัน
ถ้าหากคุณกำลังรู้สึกหดหู่กับชีวิตหรือมีความคิดว่าตัวเองเป็นผู้ที่โชคร้ายอย่างยิ่ง พวกเราขอเสนอแนะภาพยนตร์เรื่อง THE TERMINAL ภาพยนตร์ของผู้ที่โชคร้ายที่สุดในโลกคนหนึ่งที่กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆจำนวนมากในเวลาที่เขาจำเป็นต้องเจอหน้ากับเหตุการณ์ฉุกเฉิน มันเปลี่ยนเป็นภาพยนตร์ขึ้นหิ้งไปเป็นที่เป็นระเบียบแล้วภายหลังจากออกฉายมาตั้งแต่ปี 2004 โดยผู้กำกับระดับตำนานอย่างสตีเวน สปีลเบิร์ก
เรื่องย่อ ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ เกี่ยวกับเรื่องราวของ วิกเตอร์ หนุ่มน้อยคนยุโรปทิศตะวันออก ที่เดินทางมายังนิวยอร์กสิตี้ แต่ว่าในเวลาเดียวกันภูมิลำเนาของเขาเกิดเหตุร้ายขึ้นอย่างไม่คาดคิด ทำให้เขาที่กำลังจะเริ่มเดินทางเพื่อเอาอย่างความฝันในอเมริกาจำต้องหยุดลงก่อน และก็จำต้องติดอยู่กับท่าอากาศยาน และก็จะต้องดำเนินชีวิตอยู่ในท่าอากาศยานไปจนกระทั่งโชคร้ายที่รกรากเขาจะสงบลง จะออกมาจากท่าอากาศยานไปอเมริกาก็มิได้ จะบินกลับไปอยู่บ้านกำเนิดตนเองก็มิได้
หนังหัวข้อนี้อย่างบอกผิด ซึ่งมันดูแล้วรู้สึกอบอุ่น
และก็มีความคิดว่าผู้แสดงนำเนี้ยเป็นผู้ที่ใจเย็นแล้วก็มองโลกในแง่ดีสุดๆซึ่งนั่นแหละมันทำให้ผมเนี้ยหลงเสน่ห์นักแสดงนี้อย่างใหญ่โต นอกเหนือจากนั้นหนังยังมีตอนที่ทำให้พวกเราจำต้องลุ้นรวมทั้งเอาใจช่วย วิกเตอร์ อยู่เสมอเวลาเพราะว่าระหว่างที่ วิกเตอร์ อาศัยอยู่ในนี้ก็โดนคาดคั้น โดนแกล้งจากผู้ที่มีอำนาจมากยิ่งกว่า มันทำให้พวกเราจะต้องรอเอาใจช่วย อยากที่จะให้ วิกเตอร์ นั้นผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ด้วยดี
ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ หนังที่เล็งว่าจำเป็นจะต้องมองให้ได้ตั้งแต่เข้าโรง เนื่องจากว่าเป็นงานควบคุมของ Steven Spielberg ที่ผมคิดเสมอขอรับว่าหนังของเขามีจุดที่ผมถูกใจอย่างหนึ่ง โน่นเป็นไม่ว่าจะเป็นหนังแนวไหนก็ตาม หนังของเขามักเจือไว้ด้วยความมุ่งหวัง หรือไม่ก็จบลงด้วยการให้ความมุ่งหวัง ความรู้สึกดีๆกับผู้ชมอยู่เป็นประจำ
คือเรื่องของวิคเตอร์ ที่นาวอร์สกี้ (Tom Hanks) ชายต่างประเทศที่เดินทางมาถึงท่าอากาศยานเจเอฟเค ประเทศอเมริกา แม้กระนั้นประจวบขอรับ ในนาทีครั้งเขาก้าวเข้ามายังสหรัฐก็ดันมีการรบกำเนิดที่ประเทศของเขาพอดิบพอดี ทำให้สถานภาพความเป็นประชากรของเขากำเนิดปัญหาครับผม โน่นเป็นหนังสือเดินทางของเขาถูกยกเลิก ทำให้เขาไม่สามารถที่จะเดินเข้าไปในอเมริกาได้ รวมทั้งช่วงเวลาเดียวกันเขาจะนั่งเครื่องกลับประเทศมิได้ เพราะเหตุว่าหนังสือเดินทางเขาหมดสภาพไปแล้วนะครับ เมื่อชาติบ้านเมืองเขาเกิดเหตุ สิทธิ์ในหนังสือเดินทางก็เป็นเพียงแต่กระดาษเพียงแค่นั้น
เมื่อเป็นแบบนี้วิคเตอร์จะทำอะไรไปไหนก็มิได้ เว้นเสียแต่จะต้องนั่งๆนอนๆอยู่ในท่าอากาศยาน แล้วนั่นแหละครับผมเป็นเรื่องราวทั้งหมดทั้งปวง ชายคนหนึ่งจำต้องดำรงชีวิตอยู่ในท่าอากาศยาน อันทำให้เขาได้เจออีกทั้งมิตรแล้วก็คนไม่ชอบหน้า ก็จำเป็นต้องมาดูกันถัดไปล่ะครับผมว่าบทจบของเขาจะเป็นยังไง
ดูหนัง The Terminal (2004) ด้วยรักและมิตรภาพ เล่าราวของ วิกเตอร์ ท้องนาวอร์สกี้ (ทอม แฮงค์ส) ชาวตะวันตกทิศตะวันออกที่เดินทางมายังนิวยอร์กสิตี้ เวลาที่ถิ่นฐานบ้านช่องของเขาเกิดเหตุร้ายขึ้นทันทีทันใด ขณะที่เขาอยู่ระหว่างเดินทางบินลัดฟ้ามายังอเมริกา วิกเตอร์ จำเป็นต้องติดอยู่กับท่าอากาศยานนานาประเทศ กับหนังสือเดินทางที่ไม่มีขึ้นตรงต่อ เขามิได้รับอนุญาตให้เข้าอเมริกา วิกเตอร์ ก็เลยจำเป็นต้องดำรงชีวิตอีกทั้งช่วงเวลากลางวันรวมทั้งเวลากลางคืนอยู่ในตึกผู้โดยสารกระทั่งการสู้รบที่รกรากจะสิ้นสุดลง
วิกเตอร์ พบว่าโลกของตึกผู้โดยสารเป็นโลกที่มีความสลับซับซ้อน รวมทั้งเต็มไปด้วยเรื่องราวต่างๆมาก ถึงแม้ว่าจะความรัก วิกเตอร์ เจอรักกับ เอมิเลีย (แคทเธอรีน ซีตา-โจนส์) แอร์โฮสเตสสาวแสนงาม เขาอาศัยอยู่ที่ท่าอากาศยานตรงเวลาร่วมเดือนจนกระทั่งทำให้ แฟรงค์ ดิกซัน (สแตนลีย์ ทุชชี) ข้าราชการประจำท่าอากาศยานรู้สึกระอา และก็เริ่มคิดว่า วิกเตอร์ เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหา เขาก็เลยต้องการกำจัด วิกเตอร์ ให้ออกจากท่าอากาศยานที่นี้
จากข่าวสารศิลปินดังระดับฮอลลีวูด อย่างทอม แฮงค์ ติดโรควัววิด 19 ตอนก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ทำให้มาทวนว่าจะจับหนังเรื่องใดของผู้แสดงมากเรื่องสามารถผู้นี้มาเขียน เพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนทั่วทั้งประเทศที่จำต้องเก็บกักตัวอยู่แม้กระนั้นในบ้าน ท่ามกลางข่าวจำนวนมากซึ่งไม่ค่อยสร้างสุขให้กับชีวิตเลย
“ The Terminal ด้วยรักและก็มิตรภาพ” หนังฟีลกู๊ดปี 2004 ของบิดามดฮอลลีวูด สตีเวน สปีลเบิร์ก คนใดกันได้มองจำต้องหลงใหล ด้วยแนวความคิดเชิงบวก ดูแล้วได้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ อาจจะพอเพียงจะช่วยลดความตรึงเครียดกับข้อมูลฟีลแบดในตอนนี้ลงได้บ้าง
ที่สำคัญหนังอีกทั้งเรื่อง กล่าวถึงผู้ที่จำต้องดำเนินชีวิตเก็บกักตนเองอยู่ข้างในเทอร์มินอลหรือตึกผู้โดยสารในท่าอากาศยาน ออกไปไหนมิได้ จะต้อง รอคอย รอคอย รอคอยวันที่จะได้รับอิสระ เพื่อออกไปทำภารกิจ จบความฝันของบิดาให้เป็นจริง
หนังหัวข้อนี้ยังสอนผู้ชมเพราะว่า แม้ว่าคุณจะพบเรื่องร้ายๆแม้กระนั้นเชื่อเถอะว่าในเรื่องร้ายๆพวกนั้น มันต้องมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นด้วย อย่างในหนังก็คงเป็นมิตรภาพของเหล่าเพื่อนฝูงๆของ วิกเตอร์ ที่ทุกคนต่างช่วยเหลือเจือจุนกันอย่างมิได้หวังสิ่งตอบแทนอะไรก็ตาม
ถึงแม้หนังประเด็นนี้จะดูดราม่า แต่ว่าเอาเข้าจริงเว้นเสียแต่ดราม่าแล้ว มันยังมีความขบขัน และก็ ความโรแมนติก แทรกเข้ามาด้วยทำให้พวกเราไม่รู้จักสึกเบื่อหนังหัวข้อนี้แม้แต่น้อย
จะต้องบอกก่อนว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดชีวิตของชายคนหนึ่งที่มิได้มีฉากการต่อสู้โลดโผน เรื่องราวที่เต็มไปด้วยความน่าลุ้นระทึก หรือแม้กระทั้งความรักสุดโรแมนติก แม้กระนั้นมันกลับทำให้พวกเราได้เข้าใจในเรื่องความจริงของการใช้ชีวิตรวมทั้งค่าที่จะเห็นสิ่งดีๆภายใต้ความโชคร้ายที่ตัวเองกำลังพบเจออยู่ได้อย่างดีเยี่ยมอย่างยิ่งจริงๆ พวกเราก็เลยต้องการจะเสนอแนะให้ผู้ที่กำลังพบเจอกับขณะที่ทุกข์ยากในชีวิตได้ทดลองรับดูมองเพราะเหตุว่ามันจะช่วยเพิ่มพลังใจสำหรับเพื่อการดำรงชีวิตของคุณถัดไปได้อย่างแน่แท้
หนังประเด็นนี้สปิลเบิร์กได้แรงดลใจมาจากความเป็นจริง
ของ Mehran Karimi Nasseri คนที่ติดอยู่ในท่าอากาศยานที่ประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1988 จนกระทั่งปี 2006 ภายหลังที่เสร็จงาน Catch me if you can สปิลเบิร์กตกลงใจปรับปรุงประเด็นนี้ต่ออย่างไม่รอคอยช้า เพราะเหตุว่าเขาต้องการสร้างหนัง “ซึ่งสามารถทำให้พวกเราหัวเราะ ร้องไห้แล้วก็กระปรี้กระเปร่ากับโลกใบนี้” แต่ว่าการผลิตไม่ใช่ของกล้วยๆเนื่องจากจะต้องไปถ่ายทำที่ท่าอากาศยานตลอดระยะเวลา กระทั่งในที่สุดจะต้องไปถ่ายโรงเก็บเรือบินขนาดใหญ่ที่ LA/Palmdale Regional Airport
การบรรลุเป้าหมาย : นับว่าเป็นอีกประเด็นที่คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆจะอยู่ในระดับกลางไม่ดีอะไรมากไม่น้อยเลยทีเดียว ในด้านรายได้ก็ทำไปถึง 219.4 ล้านเหรียญ จากเงินทุน 77.9 ล้านเหรียญ
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากความจริงของเซอร์ อัลเฟรด เมฮ์ราน ซึ่งเป็นชายชาวประเทศอิหร่านคนหนึ่งถูกขับไล่ออกนอกประเทศ และก็ได้ทำเอกสารหลบภัยหาย ทำให้เขาจะต้องติดแหง็กอยู่ในท่าอากาศยานชาร์ล เดอ โกลในกรุงปารีสอยู่ถึง 18 ปีเต็ม ตั้งแต่ปี 1988-2006 อย่างยิ่งจริงๆ โดยเรื่องราวในรูปภาพยนตร์นั้นบ่งบอกถึงถึงเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่คิดบวกแบบสุดๆถึงแม้ในความเป็นจริงแล้วเรื่องราวจะมองสุดช้ำใจผู้ชมก็จริง แต่ว่าหนังมิได้ทำให้พวกเราจมแล้วก็รู้สึกจิตตกไปกับนักแสดงเลย โดยเรื่องราวเชิญชวนให้พวกเราคิดบวกไปกับผู้แสดงอย่างวิคเตอร์เอามากๆ
คนไม่ใช่น้อยมองหัวข้อนี้แล้วถูกใจ ขณะที่หลายท่านดูแล้วนิ่ง อันนี้ตามใจนะครับ มนุษย์เราถูกใจแตกต่างได้อยู่แล้วคือเรื่องปกติ ส่วนผมก็จำต้องกล่าวว่าถูกใจโคตร เพราะว่านี่แหละ หนัง Steven Spielberg ขนานแท้… คุณอาซื้อตั๋วเคยบอกไว้ขอรับว่า จะรับประทานอาหารให้อร่อยจำต้องทราบว่าผู้ใดปรุง อย่างเดียวกันครับผมจะดูหนังให้สนุกสนานก็จะต้องทราบว่าคนไหนกันดูแล
อย่างที่บอกครับผมว่านี่เป็นงาน Spielberg สมญานามของเฮียมึงก็คือปีเตอร์แพนที่ Hollywood อยู่แล้ว ฉะนั้นก็เลยไม่น่าประหลาดใจที่หนังมันมิได้หนัก มิได้เครียดเข้มแบบจัดๆเนื่องจากอย่างที่ผมบอกตั้งแต่ต้นขอรับ หนังพี่เอ็งย้ำการมองโลกในด้านดี มองโลกอย่างมีหวัง เรื่องที่เกิดกับวิคเตอร์นั้นก็มีอีกทั้งดีและไม่ดี imi1688 แม้กระนั้นก็จะไม่ร้ายจนกระทั่งเหลือเกิน ครั้งคราวค่อนข้างจะสบายๆด้วย ฉะนั้นคนใดกันแน่กะจะได้ดูหนังชีวิตหนักๆอึ้งๆเครียดๆล่ะก็จัดแจงผิดหวังล่วงหน้าได้เลยนะครับ เพราะว่าไม่ใช่หัวข้อนี้หรอก
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความตรึงใจให้กับผู้ชมอย่างพวกเรามากไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยการผลิตหนังที่ใช้ทุนสร้างเพียงแค่ 60 ล้านเหรียญฯ และก็ปัดกวาดรายได้ทั่วทั้งโลกไปถึง 219 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นการบรรลุผลแถมยังปัดกวาดรางวัลด้านภาพยนตร์อีกเพียบเลย ยกตัวอย่างเช่น รางวัลสโมสรผู้กำกับศิลป สาขาดีไซน์งานสร้างเหมาะสมที่สุด อีกด้วย สรุปว่าแอดไม่นเทคะแนนทุ่มเทใจให้หัวข้อนี้ไปเลย 8.5/10 ตอนต้นรู้สึกว่าเมื่อดูแล้วคงเบื่อแล้วหลับแน่นอนแต่ว่าหาใช่เช่นนั้นไม่ดูแล้วจำเป็นต้องถึงกับร้องอู้หู เพราะว่าไม่มีความรู้สึกเลยว่าหนังน่ารำคาญเหมือนอย่างที่คิด แถมดูแล้วยังลุ้นติดตามไปกับการใช้ชีวิตของผู้แสดงนำตลอด แอบทึ้งในความนึกคิดบวก และก็ใสซื่อ แถมวิคเตอร์ยังเป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากมายๆอีกด้วย